วันเสาร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

โปรแกรมที่อยู่ในความดูแลของ BSA


Adobe

Agilent Technologies

Altium

Apple

Autodesk

AVG

Bentley Systems

CA

Cadence Design Systems

Cisco Systems

Corel

Cyberlink

Dassault Systèmes SolidWorks Corporation

Dell

Embarcadero

Frontline PCB Solutions

HP

IBM

Intel

Intuit

McAfee

Microsoft

Mindjet

Minitab

NedGraphics

PTC

Quark

Quest

Rosetta Stone

SAP

Sheba Distribution

Siemens PLM Software, Inc.

Sybase

Symantec

Synopsys

Tekla

Thai Software

The MathWorks

กฏหมายลิขสิทธิ์ หรือ สิทธิบัตร

ลิขสิทธิ์หรือสิทธิบัตร
ทรัพย์สินทางปัญญา (intellectual property) ซึ่งหมายถึงสิทธิทางกฎหมายที่มีอยู่เหนือผลิตผลจาก ความคิดทางปัญญาของบุคคล มีวิวัฒนาการที่เปลี่ยนแปลงโดยตลอดควบคู่ไปกับการเปลี่ยนของพัฒนาการ ของเทคโนโลยี
เหตุผลสำคัญของการที่รัฐคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา ก็เพื่อส่งเสริมความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ โดยใช้ทรัพย์สินทางปัญญาเป็นเครื่องมือส่งเสริมการประดิษฐ์คิดค้น และส่งเสริมการจัดระเบียบการแข่งขันใน ตลาดการค้า
ผลงานทางปัญญาใดจะได้รับการคุ้มครองย่อมขึ้นอยู่กับคุณค่าของผลงานนั้นเป็นสำคัญ ซึ่งก็ หมายความว่า ผู้ที่พัฒนาหรือสร้างสรรค์งานไม่อาจอ้างสิทธิทางกฎหมายในผลงานทางปัญญาของตนได้ในทุก กรณี สิ่งที่จะได้รับการคุ้มครองจะต้องมีคุณสมบัติต้องตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด ผลงานทางปัญญาที่ขาด คุณสมบัติจะไม่ตกเป็นสิทธิของผู้สร้างสรรค์ หากแต่เป็นความรู้สาธารณะ (knowledge in the public domain) ที่บุคคลใดๆ อาจนำไปใช้ได้โดยไม่ถือว่าเป็นการผิดกฎหมาย หรือเป็นการผิดต่อศีลธรรม กฎหมาย ไม่คุ้มครองผลงานที่ขาดคุณสมบัติ ทั้งนี้โดยไม่คำนึงว่าผู้สร้างสรรค์ได้ลงทุนหรือลงแรงไปกับผลงานนั้นมาก น้อยเพียงใด
สิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาอาจจำแนกออกได้เป็นสองประเภทใหญ่ๆ คือ
สิทธิในทรัพย์สินทางอุตสาหกรรม (industrial property rights) และ
ลิขสิทธิ์ (copyright)


ความแตกต่างระหว่างสิทธิบัตรกับลิขสิทธิ์
กฎหมายสิทธิบัตรให้การคุ้มครองเทคโนโลยีการประดิษฐ์ แต่กฎหมายของประเทศกำลังพัฒนาบาง ประเทศ รวมทั้งกฎหมายไทย มิได้คุ้มครองเฉพาะการประดิษฐ์เท่านั้น หากแต่คุ้มครองการออกแบบทาง อุตสาหกรรม (industrial designs) ภายใต้กฎหมายสิทธิบัตรด้วย ซึ่งการคุ้มครองในลักษณะนี้แตกต่างกับ กฎหมายของบรรดาประเทศอุตสาหกรรม ที่แยกการคุ้มครองการออกแบบทางอุตสาหกรรมไปไว้ภายใต้ กฎหมายอีกระบบหนึ่ง

ในขณะที่กฎหมายสิทธิบัตรคุ้มครองความคิด (idea) ที่อยู่ภายใต้การประดิษฐ์หรือการออกแบบผลิตภัณฑ์ กฎหมายลิขสิทธิ์ให้การคุ้มครองสำหรับการแสดงออกซึ่งความคิด (expression of idea) โดยมิได้คุ้มครองตัวความคิดโดยตรง ลิขสิทธิ์จะมีอยู่ในงานประเภทที่กฎหมายกำหนดเท่านั้น เช่น งานวรรณกรรมนาฎกรรม ศิลปกรรม ดนตรีกรรม โสตทัศนวัสดุ ภาพยนตร์ สิ่งบันทึกเสียง งานแพร่เสียงแพร่ภาพ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ ฯลฯ


สิทธิบัตรจะให้สิทธิที่จะกีดกันบุคคลอื่นมิให้ใช้ประโยชน์จากการประดิษฐ์ หรือแบบผลิตภัณฑ์ตาม สิทธิบัตร ซึ่งเท่ากับว่าผู้ทรงสิทธิเป็นผู้มีสิทธิผูกขาดโดยสมบูรณ์ (absolute monopoly right) ที่ปกป้องผู้ทรง สิทธิจากการแข่งขันของบุคคลอื่น ทั้งนี้โดยไม่คำนึงว่าผู้กระทำละเมิดมีเจตนาที่จะลอกเลียนการประดิษฐ์ตาม สิทธิบัตรหรือไม่ ตัวอย่างเช่น นาย ก. ได้ขอรับสิทธิบัตรในการประดิษฐ์อันหนึ่งไว้ ต่อมา นาย ข. ได้คิดค้น การประดิษฐ์แบบเดียวกันได้ โดยนาย ข. ได้คิดค้นการประดิษฐ์นั้นด้วยตนเอง เช่นนี้ นาย ข. อาจถูกนาย ก. ซึ่งเป็นผู้ทรงสิทธิบัตรห้ามมิให้ใช้ประโยชน์จากการประดิษฐ์ของตนได้ ถึงแม้ว่านาย ข. จะไม่ได้ลอกเลียนการ ประดิษฐ์ของนาย ก. ก็ตาม

สิทธิตามสิทธิบัตรจะเกิดขึ้นเมื่อมีการขอรับสิทธิจากรัฐ โดยต้องมีการทำเอกสารคำขอตามแบบที่กฎหมายกำหนด และเจ้าหน้าที่ของรัฐจะทำการตรวจสอบคำขอและคุณสมบัติการประดิษฐ์ว่ามีความถูกต้องครบถ้วน จึงจะออกสิทธิบัตรให้ ส่วนผู้สร้างสรรค์งานประเภทที่กฎหมายกำหนดไว้ จะได้ไปซึ่งลิขสิทธิ์ในงานนั้นโดยทันที โดยผู้สร้างสรรค์ไม่จำต้องนำงานไปจดทะเบียนหรือขอรับความคุ้มครองจากรัฐ ทั้งนี้เป็นไปตามหลักการของอนุสัญญากรุงเบอร์นว่าด้วยการคุ้มครองวรรณกรรมและศิลปกรรม (Berne Convention for theProtection of Literary and Artistic Works) ที่ห้ามการกำหนดเงื่อนไขของการได้มาซึ่งลิขสิทธิ์ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบใดๆ1

linux Basic Command

cd [directory]
cd หรือ change director ใครคุ้นเคยกะ dos คงจะคุ้นเคยกะคำสั่งนี้
คำสั่งนี้เอาไว้ย้ายที่อยู่ของคุณไปยัง directory ที่คุณต้องการ เช่นหลังจาก log in เข้าสู่ระบบแล้ว (สมมุติอยู่ใน /home/user1 และกันนะ) และอยากจะย้ายที่อยู่ไปยัง directory อื่นทำได้โดยการใช้คำสั่งนี้แหละ อย่างเช่น cd /etc เพื่อ ไปยัง /etc หรือ cd .. เพื่อย้ายไปยัง directory ก่อนหน้า (ถ้าคุณอยู่ใน /home/user1 คุณจะย้ายออกมาอยู่ที่ /home)

mkdir [directory]
สำหรับสร้าง directory ขึ้นมาใหม่ อย่างเช่นต้องการสร้าง directory สำหรับเก็บเอกสารทำได้โดยการพิมพ์ mkdir Docs (สร้าง directory ชื่อ Docs ขึ้นมา) จะสร้าง directory ที่ไหนได้ หมายความว่าคุณต้องมีสิทธิ์ในการสร้างใน directory นั้นๆ ด้วยนะ
useradd -D เปลี่ยนค่า Default ของคำสั่ง

mdir [directory]
หลังจากสร้างแล้วไม่เป็นที่พอใจ ลบได้โดยใช้คำสั่งนี้ อย่างเช่น rmdir Docs (ลบ directory ชื่อ Docs) ปกติ rmdir จะลบได้เฉพาะ directory ที่ไม่มีอะไรอยู่ข้างใน ถ้าคุณต้องการลบ directory ที่มี file หรือ directory อื่นอยู่ในนั้นใช้คำสั่ง rm -r [directory]

rm [file]
rm ใช้สำหรับลบ file ถ้าต้องการลบ file ชื่อ readme.txt ใช้คำสั่งนี้ rm readme.txt ถ้าต้องการลบ directory ที่มีหรือไม่มี file อยู่ข้างในใช้ rm -r [file or directory] อาจจะสงสัยแล้วทำไมต้องมี rmdir คิดว่าเค้าเอาไว้ป้องกันความผิดพลาดหรือเผลอเลอของผู้ใช้ เท่านั้นเอง ว่าจริงๆ แล้วคุณต้องการลบ file หรือ directory กันแน่

pwd
แสดง path ปัจจุบันที่คุณอยู่

ls
แสดงรายชื่อ file ใน directory ถ้า ls -l จะแสดงแบบยาว หรือถ้าต้องการแสดง file ที่ซ่อนอยู่ (พวก file ที่ขึ้นต้นด้วย . ) ใช้คำสั่ง ls -a หรือ ls -la ก็ได้ตามชอบใจ จะว่าไปก็เหมือนกับ dir ใน dos นั่นแหละ ถ้าต้องการแสดงเฉพาะ file ที่มีนามสกุลเป็น .txt ก็ พิมพ์ ls *.txt

mv [file1] [file2]
ย้ายมันไปที่อื่น หรือเปลี่ยนชื่อมัน (มันที่ว่าคือ file หรือ directory นั่นเอง)

cp [file1] [file2]
copy มัน ถ้าต้องการ copy ทั้ง directory ใช้ cp -r [dir1] [dir2]

cat [file]
แสดงข้อมูลใน file ออกทางจอภาพ อยากรู้ว่าใน file นั้นมีข้อมูลอะไรอยู่ โดยไม่ต้องเปิด file ใช้คำสั่งนี้ อย่างเช่น cat /etc/passwd

more [file]
แสดงทีละบรรทัด ถ้า file มันยาวมากเกินหน้าจอ ใช้ cat อาจจะไม่สะดวก เพราะอาจจะมองไม่ทัน ก็ใช้ more แทน เลื่อนดูข้อมูลหน้าถัดไปโดยการเคาะ space bar

less [file]
เหมือน more คงเขียนขึ้นมาเพื่อเพิ่มความสามารถของ more เอง เพราะ more มันดูได้แต่หน้าถัดไป แต่ less สามารถเลื่อนกลับไปดูข้อมูลก่อนหน้าได้ โดย space bar เป็นการเลื่อนดูหน้าถัดไป และ b เป็นการเลื่อนดูหน้าก่อนหน้า ถ้าต้องการเลื่อนไปทีละครึ่งหน้า ใช้ d ถ้าเลื่อนกลับครึ่งหน้าก็ใช้ u รายละเอียดเพิ่มเติมดูได้จากคำสั่ง less --help

คำสั่งพื้นฐานสำหรับ Linux (ตอน 2)
การใช้งานLinux จะ มีคำสั่งที่เป็นพื้นฐานที่สำคัญที่ต้องรู้และเป็นคำสั่งที่เพิ่มเติมเข้ามาอีกจากตอนที่ 1 เป็นการแนะนำคนที่จะหันมาลองใช้ OS ตัวนี้กันดู ขอให้ทำความเข้าใจ และอดทนกันหน่อยนะ

คำสั่งเกี่ยวกับ File
cd [directory]
ย่อมาจาก change directory เป็นคำสั่งเดียวกันกับ dos แต่ ที่ต่างกันนิดหนึ่งคือ ใน dos การเขียนชื่อ directory จะเป็น test แต่ถ้าใน unix จะเป็น /test ถ้าต้องการไป directory test ก็พิมพ์ cd test หรือถ้าพิมพ์ cd เฉยๆ แล้วเคาะ Enter จะเป็นการเปลี่ยน directory ไปที่ home directory ของผู้ใช้ สำหรับ directory ใน unix นั้นไม่เหมือนใน dos unix ไม่มี disk lable เช่น c: หรือ d: directory ที่อยู่บน สุดของ unix เรียกว่า root directory เขียนสั้นๆว่า / โครงสร้าง directory จะประกอบด้วย /bin, /usr/bin เก็บ คำสั่งใช้งานทั่วไป /sbin, /usr/sbin ใช้เก็บคำสั่ง ของ admin ทั้ง /bin, /usr/bin/, /sbin, /usr/sbin มักใช้เก็บโปรแกรมที่มาพร้อมกับ CD และติดตั้งลงในเครื่องตอนลง Linux (อีกนิดหนึ่ง bin หมายถึง directory นั้นเก็บ binary file สำหรับ sbin หมายถึง directory นั้นเก็บ sytem binary คือเป็นคำสั่งสำหรับผู้ดูแลระบบเท่านั้น) /etc ไว้เก็บ configuration ต่างๆของระบบ /var ใช้เก็บข้อมูลของโปรแกรม รวมทั้ง log ของระบบ สำหรับโปรแกรมที่เรา compile และติดตั้งเองมักจะอยู่ใน directory ชื่อ /usr/local และท้ายสุด คือ home directory /home ใช้เก็บข้อมูลของผู้ใช้ในระบบ เช่นถ้าสร้าง ผู้ใช้ชื่อ joy ระบบก็จะสร้าง directory ชื่อ /home/joy ให้โดยอัตโนมัติ

mv [ชื่อ file ต้นทาง] [ชื่อ file ปลายทาง]
ตรงกับคำสั่ง ren หรือ rename ใน dos แต่ทำงานได้มากกว่า mv ย่อมาจาก move ตัวอย่างการใช้งาน mv test test2 จะเป็นการเปลี่ยนชื่อ file จาก test ไปเป็น test2 หรือ mv /test /test2 จะเป็นการเปลี่ยนชื่อ directory จาก test ไปเป็น test2 และ mv /test /temp/ โดยที่ temp เป็น directory ที่มีอยู่แล้วจะเท่ากับเป็นการย้าย /test ไปเป็น directory ย่อยของ /temp (/temp/test

ls
คำสั่งนี้ใช้แสดงรายชื่อ file ใน directory (หรือ Folder ) ตรงกับคำสั่ง Dos ที่ชื่อ Dir มี option บางทีก็เรียกว่า argument ที่สำคัญได้แก่ -l ให้แสดงรายละเอียดของ file, -a แสดง file ทั้งหมดรวมทั้ง hidden file ซึ่งจริงๆ แล้วก็คือ file ที่มีชื่อขึ้นต้นด้วย . เช่น .profile
ตัวอย่างเช่น ls -l man* หรือ ls -l -a man * หรือ ls -la man* การใช้ wildcard เช่น * ส่วนใหญ่ก็คล้ายกับ windows หรือ dos แต่ที่เด็ดกว่านั้นคือ เราสามารถใช้ wildcard กับ Directory ด้วยเช่น ls /usr/local/apach*/ht* ก็สามารถแสดง file ที่เก็บใน directory/usr/local/apache/htdocs แต่ถ้าใน /usr/local/apache มี directory /htdocs กับ httpd แล้วละก็ เฉพาะ file ใน htdocs จะถูกแสดงเท่านั้นคำสั่งนี้เป็นคำย่อของ List

rm [file]
คำสั่ง ลบ file เหมือนคำสั่ง del ใน dos สามารถใช้ wildcard ได้เช่นเดียวกับ ls และมี option เดียวที่คือ -r ซึ่งเมื่อใช้คำสั่ง rm -r /usr/src/temp หมายความว่า ให้ลบ file และ directory ย่อยทั้งหมดที่อยู่ภายใน directory /usr/src/temp rm ย่อมาจาก remove

pwd
กรณีที่เรา เปลี่ยน directory ไปมาจนสับสนจำไม่ได้ว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ใน directory ใด ให้ใช้คำสั่ง pwd เพื่อดูว่าเราอยู่ใน directory ใด pwd ย่อมาจาก pop หรือ print working directory

chmod
คล้ายกับคำสั่ง Attrib ของ Dos เป็นการเปลี่ยน mode การใช้งานของ file คือปกติ file ใน unix จะมี mode การใช้งาน และสิทธิในการใช้งานอยู่กับ file
โดยเราสามารถเรียกดู mode การใช้งานได้จากคำสั่ง ls -l ตัวอย่างเช่น#ls -l /etc/host.conf
# -rwxr--r-- root.daemon host.conf ..
ตรง -rwxr--r-- เป็นตัวที่บอกสิทธิการใช้ file โดยสังเกตว่า -[rwx][r--][r--] นั้นประกอบด้วยตัวอักษร 10 ตัว 1 ตัวแรกบอกว่า เป็น file หรือ directory ถ้าเป็น file ใช้สัญลักณ์ - ถ้าเป็น directory จะถูกแทนด้วย D ดังนั้น /etc/host.conf จึงเป็น file สัญลักษณ์ 3 ตัวถัดมาจะเป็นการบอกว่า เจ้าของมีสิทธิในการใช้ file อย่างไร rwx ตัวแรกใน 3 ตัวนี้แทนสิทธิในการอ่านดู file ใช้สัญลักษ์ r แทน อ่านได้ และ - แทนไม่มีสิทธิอ่าน ตัวที่ 2 ระบุว่ามีสิทธิการเขียนหรือแก้ไข file หรือไม่ w แปลว่า แก้ไขได้ - แปลว่าแก้ไขไม่ได้ และตัวสุดท้ายแทนว่าสามารถรันคำสั่งนี้ได้หรือไม่ (run หรือ execute) x แปลว่า execute หรือ run คำสั่ง /etc/host.conf ได้และ - แทนไม่ได้
สัญลักษณ์ 3 ตัวถัดมาแทนสิทธิของผู้ที่อยู่ในกลุ่มเดียวกันกับเจ้าของ file การอ่านค่าก็เหมือนที่อธิบายไปแล้ว
สัญลักษณ์ 3 ตัวสุดท้ายแทนสิทธิการใช้ file ของคนทั่วไป ที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่ม
ตัวอย่างที่เห็นบอกว่า /etc/host.conf สามารถอ่านเขียนและ run ได้โดยเจ้าของ และคนในกลุ่มเดียวกันกับเจ้าของและคนอื่นสามารถอ่านได้ ไม่สามารถแก้ไข หรือ run คำสั่งได้

mkdir [ ชื่อ directory]
คำสั่งนี้เข้าใจง่ายเป็นคำสั่งสร้าง directory ซึ่งตรงกับคำสั่ง md ของ dos

rmdir [ชื่อ directory]
คำสั่งนี้เข้าใจง่ายเป็นคำสั่งลบ directory ซึ่งตรงกับคำสั่ง rd ของ dos

cat [file]
แสดงข้อมูลใน file ออกทางจอภาพ อยากรู้ว่าใน file นั้นมีข้อมูลอะไรอยู่ โดยไม่ต้องเปิด file ใช้คำสั่งนี้ อย่างเช่น cat /etc/passwd หากต้องการจะออกจากคำสั่ง cat ให้กดปุ่ม Ctrl-d ซึ่งจะหมายถึง การส่งสัญลักษณ์ end-of-file (EOF) ไปให้กับคำสั่ง z

vi
ใช้ในการแก้ไข file โปรแกรมนี้ใช้งานยาก และคงต้องไปอ่านคู่มือเอาเอง แต่หลักๆ ก็คือ ปกติเมื่อจะใช้งานให้ พิมพ์ vi ตามด้วยชื่อ file เช่น vi test เป็นต้น ปกติเมื่อเรียกโปรแกรมเสร็จแล้วเราจะยังไม่สามารถป้อนข้อมูลหรือพิมพ์ได้ เราเรียกสถานะการณ์นี้เรียกว่า command mode เราต้องกดปุ่ม i (ตัวอักษร i) เพื่อจะเข้าสู่ Edit mode ซึ่งเราจะสามารถพิมพ์ตัวอักษรได้ และเมื่อพิมพ์จนสาแก่ใจแล้ว ก็ให้กดปุ่ม esc เพื่อกับเข้าสู่ command mode และ พิมพ์ : (semicolon) ตามด้วย w เพื่อ บันทึกข้อมูล (:w) หรือ :wq เพื่อบันทึกข้อมูลและออกจากโปรแกรม หรือ :q! เพื่อออกจากโปรแกรมโดยไม่บันทึกข้อมูล vi ย่อมาจาก visual editor

cp [file source] [file destination]
เป็นคำสั่ง copy ของ dos นั้นเอง แต่มี option หนึ่งที่ใช้ประจำคือ -R ซึ่งจะทำให้โปรแกรม cp ทำงานได้เหมือน Xcopy ตัวอย่างการใช้งานเช่น cp test1 test2 เป็นการ copy เนื้อหาของ file test1 ไปใส่ใน file test2 หรือ สมมติว่าใน directory /usr ประกอบด้วย directory ย่อยคือ temp local src เมื่อเราออกคำสั่ง cp -R /usr /var จะเท่ากับ copy เนื้อหาใน direcotry ทั้งหมดไปเก็บไว้ใน directory var รวมทั้ง copy directory ย่อย temp local src และเนื้อหาของมันไปเก็บไว้ใน directory /var เป็นต้น cp ย่อมาจาก copy

chown
คำสั่งเปลี่ยนเจ้าของ file ตัวอย่าง เมื่อเราออกคำสั่ง ls -l /etc/host.conf
# -rwxr--r-- root.daemon host.conf ..
ตรงที่เขียนว่า root.daemon เป็นการบอกให้รู้ว่า file มีเจ้าของคือ root ซึ่งอยู่ใน group daemon
ถ้าเราจะเปลี่ยนเจ้าของเราก็พิมพ์ chown admin.adm /etc/host.conf ก็จะเป็นการเปลี่ยนเจ้าของ file จาก root กลุ่ม daemon เป็น admin จากกลุ่ม adm
option ที่สำคัญของ chmod ที่ใช้บ่อยก็คือ -R ซึ่งจะเป็นการเปลี่ยนเจ้าของ file ทั้ง directory รวมถึง subdirectory ของมัน เช่น
#chown -R postfix.mail /etc/postfix

less
เป็นคำสั่งในการดูเนื้อหาใน file ซึ่งสามารถใช้ cursor เลื่อนขึ้น ลง เพื่อดูเนื้อหาใน file ได้ การใช้ พิมพ์ less ตามด้วย filename

more
เป็นคำสั่งที่ใช้ แสดงเนื้อหาใน file ต่างกับ less ตรงที่เลื่อนลงได้ เลื่อนขึ้นไม่ได้ การใช้งาน พิมพ์ more แล้วตามด้วยชื่อ file แต่ส่วนใหญ่ที่ผมใช้มักจะใช้คู่กับ คำสั่ง ls คือ เวลา file ใน directory มีมากกว่า 1 หน้าเราสามารถให้มันหลุดทีละหน้าได้
(เหมือนใช้คำสั่ง dir /w ) โดยใช้ คำสั่งเช่น
#ls /usr/bin more

ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับ ลิขสิทธิ์ หรือ สิทธิบัตร

สิทธิบัตร (patent) หมายถึง หนังสือสำคัญที่รัฐออกให้เพื่อคุ้มครองการประดิษฐ์คิดค้นหรือการออกแบบผลิตภัณฑ์ ที่มีลักษณะตามที่กำหนดในกฎหมาย กฎกระทรวง และระเบียบว่าด้วยสิทธิบัตร พ.ศ. 2522 เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่ง ที่เกี่ยวกับการประดิษฐ์คิดค้นหรือการออกแบบ เพื่อให้ได้สิ่งของ, เครื่องใช้หรือสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆที่เราใช้กันอยู่ในชีวิตประจำวัน เช่น การประดิษฐ์รถยนต์, โทรทัศน์, โทรศัพท์,คอมพิวเตอร์, หรือการออกแบบขวดบรรจุน้ำดื่ม, ขวดบรรจุน้ำอัดลม หรือการออกแบบลวดลายบนจานข้าว, ถ้วยกาแฟ ไม่ให้เหมือนของคนอื่น เป็นต้น
ความรู้เบื้องต้นกับสิทธิบัตร
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เล็งเห็นถึงความสำคัญในเรื่องของการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา จึงมอบหมายให้สำนักงานจัดการทรัพย์สิน เป็นผู้อำนวยความสะดวก ให้กับคณาจารย์และบุคลากรของมหาวิทยาลัยฯ ในการให้คำปรึกษาและดำเนินการจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญา โดยเฉพาะงานด้านสิทธิบัตรการประดิษฐ์
สิทธิบัตรให้สิทธิแก่นักประดิษฐ์ในการใช้ประโยชน์ของตนในเชิงพาณิชย์ โดยมีช่วงระยะเวลาที่แน่นอน โดยปกติมักกำหนดระยะเวลาคุ้มครองไว้ 20 ปี เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนกับสิทธินี้ นักประดิษฐ์ต้องเปิดเผยรายละเอียดสิ่งประดิษฐ์เพื่อประโยชน์ทางการศึกษา และประโยชน์สาธารณะ ถ้าปราศจากระบบสิทธิบัตร นักประดิษฐ์จะขาดแรงจูงใจในการคิดสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ เนื่องจากสิ่งที่คิดค้นขึ้นจะถูกเลียนแบบอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ค่าตอบแทนที่ได้รับนั้นน้อยเกินไป สำหรับงานหนักที่นักประดิษฐ์ได้ลงแรงไป
การประดิษฐ์คิดค้นที่มีสิทธิจดสิทธิบัตรได้นั้น จะต้องเป็นสิ่ง/เรื่องใหม่ ไม่สามารถเห็นเด่นชัด และประยุกต์ใช้เชิงพาณิชย์ได้ และเช่นเดียวกับสิทธิทรัพย์สินทางปัญญารูปแบบอื่นๆ สิทธิบัตรเป็นทรัพย์สินส่วนบุคคลประเภทหนึ่ง ที่สามารถมอบหมาย อนุญาตให้ใช้สิทธิ หรือเก็บค่าใช้สิทธิได้โดยผ่านการจำนอง

1. สิ่งประดิษฐ์ใดที่สามารถยื่นจดสิทธิบัตรได้
1.1 เป็นการประดิษฐ์ขึ้นใหม่ คือ เป็นการประดิษฐ์ที่แตกต่างไปจากเดิม ยังไม่เคยมีใช้แพร่หลาย หรือจำหน่ายมาก่อนในประเทศ ยังไม่เคยได้รับสิทธิบัตรมาก่อน หากเคยยื่นขอรับสิทธิบัตรไว้ในต่างประเทศมาก่อนจะต้องยื่นคำขอในประเทศไทยไม่เกิน 18 เดือน นับแต่วันที่ได้ยื่นไว้ครั้งแรกในประเทศ
1..2 เป็นการประดิษฐ์ที่มีขั้นการประดิษฐ์สูงขึ้น คือ มีลักษณะที่เป็นการแก้ไขปัญหาทางเทคนิคของสิ่งประดิษฐ์ประเภทเดียวกันที่มีมาก่อน หรือไม่เป็นการประดิษฐ์ที่อาจทำได้โดยง่ายต่อผู้ที่มีความรู้ในระดับธรรมดาในสาขาวิทชาการด้านนั้นๆ
1.3 เป็นการประดิษฐ์ที่สามารถประยุกต์ในทางอุตสาหกรรม เกษตรกรรรม พาณิชยกรรม หรือหัตถกรรมได้
กรณีที่ผลงานของท่านเป็นลักษณะของการออกแบบผลิตภัณฑ์ การออกแบบผลิตภัณฑ์ที่จะขอรับ สิทธิบัตรได้ ต้องเป็นการออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่ออุตสาหกรรมหรือหัตถกรรม คือเป็นการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ยังไม่มีใช้แพร่หลายในประเทศ ซึ่งรวมถึงการขายด้วย หรือยังไม่เคยเปิดเผยสาระสำคัญหรือรายละเอียดในเอกสารหรือสิ่งพิมพ์ ก่อนวันขอรับสิทธบัตร หรือไม่คล้ายกับแบบผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่แล้ว

2. สิ่งที่จดสิทธิบัตรไม่ได้ ได้แก่
2.1 จุลชีพและส่วนประกอบส่วนใดส่วนหนึ่งของจุลชีพที่มีตามธรรมชาติ สัตว์ พืช หรือสาร สกัดที่ได้จากสัตว์และพืช เหล่านี้ถือเป็นการค้นพบเท่านั้น แต่ในกรณีที่นำไปผสมกับสารหรือส่วนประกอบอื่น สามารถที่จะขอจดสิทธิบัตรได้
2.2 กฎเกณฑ์และทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์
2.3 ระบบข้อมูลสำหรับการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ซึ่งได้รับความ คุ้มครองในฐานะที่เป็นงานด้านวรรณกรรมตามกฎหมายลิขสิทธิ์อยู่แล้ว
2.4 วิธีการวินิจฉัย บำบัด หรือรักษาโรคมนุษย์หรือสัตว์ เนื่องจากหากให้ความคุ้มครองไป อาจมีผลกระทบต่อชีวิต คนและสัตว์ได้
2.5 การประดิษฐ์ที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดี อนามัยหรือสวัสดิภาพของประชาชน

3. เอกสารคำขอสิทธิบัตร ประกอบด้วย
3.1 แบบพิมพ์คำขอรับสิทธิบัตรและเอกสารประกอบคำขอ
3.2 รายละเอียดสิ่งประดิษฐ์
3.3 ข้อถือสิทธิ
3.4 บทสรุปการประดิษฐ์
3.5 รูปเขียน (ถ้ามี)


รายละเอียดการประดิษฐ์ จะประกอบด้วยหัวข้อย่อยต่างๆ ดังนี้

1. ชื่อที่แสดงถึงการประดิษฐ์
2. ลักษณะและความมุ่งหมายของการประดิษฐ์ - เป็นการอธิบายถึงจุดประสงค์ วิธีการ และลักษณะสำคัญ ของสิ่งประดิษฐ์นั้น
3. สาขาวิทยาการที่เกี่ยวข้องกับการประดิษฐ์ – ระบุว่าสิ่งประดิษฐ์นั้นจัดอยู่ในเทคโนโลยีประเภทใด หรือ อยู่ในศาสตร์แขนงใด
4. ภูมิหลังของวิทยาการที่เกี่ยวข้อง - เป็นการอ้างอิงเอกสารต่างๆ ที่แสดงถึงวิทยาการที่มีอยู่เดิม ตลอดจน ข้อบกพร่อง หรือปัญหาที่นำมาสู่การประดิษฐ์ที่กำลังขอรับสิทธิบัตรอยู่

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------

ลิขสิทธิ์คืออะไร?
ลิขสิทธิ์คือการคุ้มครองทางกฎหมายที่ให้แก่การผลิตผลงานต้นฉบับในสหรัฐอเมริกา ลิขสิทธิ์คุ้มครองหนังสือ ภาพวาด รูปถ่าย ดนตรี วีดีโอ ซอฟต์แวร์ และอื่นๆ ลิขสิทธิ์จะอยู่ติดกับผลงานตั้งแต่ผลงานนั้นอยู่ในรูปที่จับต้องได้ (บนกระดาษ วีดีโอ และอื่น ๆ) และป้องกันคนอื่นเอาไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

ลิขสิทธิ์เป็นสิทธิต่าง ๆ ที่อยู่ด้วยกัน
ลิขสิทธิ์เป็นสิทธิต่าง ๆ ที่อยู่ด้วยกัน รวมไปถึงสิทธิแต่เพียงผู้เดียวในการจัดจำหน่าย ขาย ทำซ้ำ แสดงในที่สาธารณะและสร้างผลงานที่พัฒนามาจากผลงานเดิม ลิขสิทธิ์สำหรับผลงานใหม่มีระยะเวลา 70 ปี ขึ้นอยู่กับว่าคนทำเป็นบุคคลหรือบริษัท ระยะเวลาของลิขสิทธิ์ของผลงานเก่า ๆ นั้นยากแก่การตรวจสอบ จริง ๆ แล้วผลงานเก่าไม่ได้แปลว่าลิขสิทธิ์หมดอายุแล้วเสมอไป เจ้าของลิขสิทธิ์มีสิทธิที่จะขาย ย้าย ให้ หรือให้อนุญาตสิทธิที่มีแต่เพียงผู้เดียวอันใดอันหนึ่ง หรือทั้งหมดให้กับคนอื่น จนกระทั่งหมดระยะเวลาการคุ้มครอง

การจดลิขสิทธิ์และการทำเครื่องหมาย
ในสหรัฐอเมริกา คุณไม่ต้องจดลิขสิทธิ์เพื่อจะได้รับผลประโยชน์จากการคุ้มครองลิขสิทธิ์ แต่คุณอาจต้องจดลิขสิทธิ์ถ้าต้องการฟ้องร้องเกี่ยวกับลิขสิทธิ์ของคุณ คุณไม่จำเป็นต้องใส่เครื่องหมาย © บนผลงานของคุณ แต่ก็เป็นความคิดที่ดี การที่ไม่มีเครื่องหมาย © ไม่ได้หมายความว่าคุณสามารถลอกผลงานไปใช้ได้ ก่อนได้รับอนุญาต

การขายผลงานที่มีลิขสิทธิ์
ภายใต้กฎหมายลิขสิทธิ์ เจ้าของสินค้าที่มีลิขสิทธิ์ สามารถขายสินค้าชิ้นนั้นได้ เช่น ถ้าคุณซื้อดีวีดีภาพยนตร์ คุณสามารถขายดีวีดีแผ่นนั้นได้ การคุ้มครองลิขสิทธิ์ป้องกันคุณไม่ให้ไปก๊อปปี้ดีวีดีภาพยนตร์แล้วนำแผ่นที่ก็อปปี้ไปขายต่อ ถ้าคุณได้ซื้อใบอนุญาตสิทธิในการใช้สินค้าที่มีลิขสิทธิ์ คุณควรตรวจสอบใบอนุญาต และปรึกษาทนายของคุณเพื่อดูว่าคุณสามารถขายได้หรือไม่

การขายกับการให้ฟรี
การคุ้มครองลิขสิทธิ์รวมไปถึงสิทธิแต่เพียงผู้เดียวในการจัดจำหน่ายผลงานลิขสิทธิ์ นั่นหมายความว่าการให้ผลงานลิขสิทธิ์ที่ก็อปปี้ขึ้นมาโดยไม่ได้รับอนุญาตฟรี ๆ (เช่นวีดีโอที่ก็อปปี้มา) ดังนั้นการขายดินสอที่ราคา $5.00 และ "แถม" ดีวีดีที่ก็อปปี้มาโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นการผิดกฎหมาย

สิทธิในการเปิดเผยต่อสาธารณะ
ในทำนองเดียวกัน การใส่หน้าของใครบางคน รูป ชื่อ หรือลายเซ็นลงในสินค้าที่ขายนั้น เป็นสิ่งต้องห้ามโดยกฎหมาย “Right of Publicity” ของรัฐแคลิฟอร์เนีย และกฎหมายที่เกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวบางอย่าง ดังนั้นการใช้ภาพของคนดังเพื่อการค้า อาจเป็นการละเมิดสิทธิของคนดังคนนั้นถึงแม้ว่าภาพนั้นถ่ายโดยผู้ขายและผู้ขายเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ก็ตาม

เบิร์นคอนเวนชั่น?
เบิร์นคอนเวนชั่นไม่ได้เป็นกฎหมายของสหรัฐอเมริกา และไม่ได้หมายถึงว่าสามารถทำสิ่งต่าง ๆ ที่ฝ่าฝืน กฎหมายลิขสิทธิ์ของสหรัฐอเมริกา ได้ เบิร์นคอนเวนชั่นเป็นสนธิสัญญาสากลที่สหรัฐอเมริกาเซ็นในปี 1989 โดยการเซ็นสนธิสัญญานี้ สหรัฐอเมริกาให้คำมั่นสัญญาว่าจะแก้ไขกฎหมายลิขสิทธิ์บางอย่างของตัวเอง

*ข้อมูลเหล่านี้ไม่ได้มีไว้เพื่อเป็นการแนะนำทางกฎหมาย ถ้าคุณมีข้อสงสัยว่าจะขายสินค้าบนอีเบย์ได้หรือไม่ เราแนะนำให้คุณติดต่อเจ้าของลิขสิทธิ์ หรือปรึกษาทนายความของคุณ

การฝ่าฝืนนโยบายอาจจะเกิดผลตามมาได้หลายอย่างรวมไปถึง

การยกเลิกรายการประกาศขายของคุณ

การจำกัดสิทธิการใช้งานแอคเคานต์ของคุณ

การระงับใช้งานแอคเคานต์

ยึดค่าธรรมเนียมรายการประกาศขายที่ถูกยกเลิก

สูญเสียสถานะ PowerSeller

Ref: คู่มือการใช้ ubuntu

http://www.reo09.go.th/reo09/admin/news/file/6.pdf

http://www.ubuntuclub.com/node/951

http://gotoknow.org/post/tag/ubuntu

วันพุธที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ข้อสอบ ipv6 30ข้อ

1.แนวทางในการพัฒนาIPV6 อย่างเป็นทางการไว้ในเอกสาร RFC 1752 โดยมีประเด็นสำคัญดังนี้
ก.นโยบายการแบ่งสรรหมายเลขไอพีแอดเดรส
ข.ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเรียกคืนชุดหมายเลขไอพีรุ่นที่ 4 ที่มีการใช้ประโยชน์ต่ำกว่าเกณฑ์กลับคืนมา
ค.ให้ใช้หลักการแบ่งสรรหมายเลขไอพีคลาส A ที่เหลืออยู่แบบ CIDR
ง.ถูกทุกข้อ
เฉลย ง.ถูกทุกข้อ

2. IP Address มีชื่อเต็มว่า
ก. Internet Protocall Address
ข. Internet Protocol Address
ค. Intranet Protocall Address
ง. Internets Protocol Address
เฉลย ข. Internet Protocol Address

3.เฮดเดอร์ของ IPV 6 เทียบกับของ IPV 4 จะสามารถเปรียบเทียบความแตกต่างอะไรบ้าง
ก.ตำแหน่งที่ตัดออก
ข.ตำแหน่งที่ปรับเปลี่ยน
ค.ตำแหน่งที่เพิ่ม
ง.ถูกทุกข้อ
เฉลย ง.ถูกทุกข้อ

4.คุณลักษณะเฉพาะของ IPng APIs คืออะไรบ้าง
ก.ต้องสนับสนุน Authentication header และ algorithm อย่างเฉพาะเจาะจง
ข.ต้องสนับสนุน Privacy header และ algorithm อย่างเฉพาะเจาะจง
ค.ต้องมีการพัฒนาโครงร่างของระบบ Firewall สำหรับ IPng
ง.ถูกทุกข้อ
เฉลย ง.

5.โครงการ IP ng Area (คณะทำงานที่ถูกแต่งตั้งโดย Internet Engineering Task Force, IETF ในปีค.ศ.ใด
ก.1991
ข.1992
ค.1993
ง.1994
เฉลย ค.1993

6.คณะทำงาน IP ng ถูกก่อตั้งขึ้นโดยใคร
ก.Steve Deering และ Ross Callon
ข.adda
ค.Ping
ง.ไม่มีข้อถูก
เฉลย ก.Steve Deering และ Ross Callon

7.คณะทำงาน Address autoconfiguration ถูกก่อตั้งและนำทีมโดยใครบ้าง
ก. Ross Callon
ข. Steve Deering
ค. Dave Katz ร่วมกับ Sue Thomson
ง.ถูกทุกข้อ
เฉลย ค. Dave Katz ร่วมกับ Sue Thomson

8.โครงการ IPng Area จะสิ้นสุดลงเมื่อปลายพ.ศ.ใด
ก.ปลายปี 1994
ข.ปลายปี 1997
ค.ปลายปี 1995
ง.ปลายปี 1990
เฉลย ค.ปลายปี 1995

9.คุณลักษณะเฉพาะของ IPng APIs คืออะไรบ้าง
ก.ต้องสนับสนุน Authentication header และ algorithm อย่างเฉพาะเจาะจง
ข.ต้องสนับสนุน Privacy header และ algorithm อย่างเฉพาะเจาะจง
ค.ต้องมีการพัฒนาโครงร่างของระบบ Firewall สำหรับ IPng
ง.ถูกทุกข้อ
เฉลย ง.ถูกทุกข้อ

10.และในช่วงกลางปี 1994 เช่นกัน IPng ได้รับการกำหนดหมายเลขรุ่นโดยหน่วยงานใด
ก.ไม่มีข้อถูก
ข.Internet Assigned Numbers Authority(IANA)
ค.อเมริกา
ง.หน่วยงานจากญี่ปุ่น
เฉลย ข.Internet Assigned Numbers Authority(IANA)

11.จากข้อ12.ได้รับเป็นรุ่นที่เท่าไหร่
ก.ให้เป็นรุ่นที่ 6 อันเป็นที่มาของ IPv6
ข.ให้เป็นรุ่นที่ 4 อันเป็นที่มาของ IPv4
ค.ให้เป็นรุ่นที่ 5 อันเป็นที่มาของ IPv5
ง.ให้เป็นรุ่นที่ 7 อันเป็นที่มาของ IPv7
เฉลย ก.ให้เป็นรุ่นที่ 6 อันเป็นที่มาของ IPv6

12. เอกสาร RFC1752 ชุดนี้ได้ถูกยอมรับและดำเนินการต่อโดยคณะทำงานภายใต้ IETF ที่ชื่อว่า อะไร
ก. Internet
ข. Engineering
ค.Internet Engineering Steering Group (IESG)
ง.ไม่มีข้อถูก
เฉลย ค.Internet Engineering Steering Group (IESG)

13. IP Address มีอยู่กี่ลักษณะ
ก.สองลักษณะด้วยกัน
ข.สามลักษณะ
ค.สี่ลักษณะ
ง.ถูกทุกข้อ
เฉลย ก.สองลักษณะด้วยกัน

14. IP Address มีลักษณะอะไรบ้าง
ก. Static IP
ข. IP Address
ค. Dynamic IP
ง. Static IPและ Dynamic IP
เฉลย ง. Static IPและ Dynamic IP

15. หน่วยงานที่ทำหน้าที่จัดสรร IP Address เหล่านี้คือ
ก.หน่ายงานจากต่างประเทศ
ข.หน่วยงานภายในประเทศไทย
ค.องค์การระหว่างประเทศที่ชื่อว่า Network Information Center - NIC
ง.ถูกทุกข้อ
เฉลย ค.องค์การระหว่างประเทศที่ชื่อว่า Network Information Center - NIC

16. IPv6 ประกอบด้วยเลขฐานสองจำนวนกี่บิต
ก.128 บิต
ข.84 บิต
ค.32 บิต
ง. 16 บิต
เฉลย ก.128 บิต

17.จุดเด่นของ IPv6 ที่พัฒนาเพิ่มขึ้นมากจาก IPv4 คืออะไร
ก.ขยายขนาด Address ขึ้นเป็น 128 บิต สามารถรองรับการใช้งาน IP Address ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วได้
ข.เพิ่มขีดความสามารถในการเลือกเส้นทางและสนับสนุน Mobile Host
ค.สนับสนุนการทำงานแบบเวลาจริง (real-time service)
ง.ถูกทุกข้อ
เฉลย ง.ถูกทุกข้อ

18.เฮดเดอร์ของ IPV 6 เทียบกับของ IPV 4 จะสามารถเปรียบเทียบความแตกต่างอะไรบ้าง
ก.ตำแหน่งที่ตัดออก
ข.ตำแหน่งที่ปรับเปลี่ยน
ค.ตำแหน่งที่เพิ่ม
ง.ถูกทุกข้อ
เฉลย ง.ถูกทุกข้อ

19. SIPP ย่อมาจากอะไร
ก.(Common Architecture for Next Generation Internet Protocol)
ข.(TCP and UDP with Bigger Addresses)
ค.(Simple Internet Protocol Plus)
ง.ไม่มีข้อถูก
เฉลย ค.(Simple Internet Protocol Plus)

20.แนวทางในการพัฒนาIPV6 อย่างเป็นทางการไว้ในเอกสาร RFC 1752 โดยมีประเด็นสำคัญดังนี้
ก.นโยบายการแบ่งสรรหมายเลขไอพีแอดเดรส
ข.ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเรียกคืนชุดหมายเลขไอพีรุ่นที่ 4 ที่มีการใช้ประโยชน์ต่ำกว่าเกณฑ์กลับคืนมา
ค.- ให้ใช้หลักการแบ่งสรรหมายเลขไอพีคลาส A ที่เหลืออยู่แบบ CIDR
ง.ถูกทุกข้อ
เฉยล ง.ถูกทุกข้อ

21.โครงการ IPng Area (คณะทำงานที่ถูกแต่งตั้งโดย Internet Engineering Task Force, IETF ในปีค.ศ.ใด
ก.1991
ข.1992
ค.1993
ง.1994
เฉลย ค.1993

22.คณะทำงาน IPng ถูกก่อตั้งขึ้นโดยใคร
ก.Steve Deering และ Ross Callon
ข.adda bairon
ค.Ping
ง.ไม่มีข้อถูก
เฉลย ก.Steve Deering และ Ross Callon

23.คณะทำงาน Address autoconfiguration ถูกก่อตั้งและนำทีมโดยใครบ้าง
ก. Ross Callon
ข. Steve Deering
ค. Dave Katz ร่วมกับ Sue Thomson
ง.ถูกทุกข้อ
เฉลย ค. Dave Katz ร่วมกับ Sue Thomson

24.โครงการ IPng Area จะสิ้นสุดลงเมื่อปลายพ.ศ.ใด
ก.ปลายปี 1994
ข.ปลายปี 1997
ค.ปลายปี 1995
ง.ปลายปี 1990
เฉลย ก.ปลายปี 1994

25.คุณลักษณะเฉพาะของ IPng APIs คืออะไรบ้าง
ก.ต้องสนับสนุน Authentication header และ algorithm อย่างเฉพาะเจาะจง
ข.ต้องสนับสนุน Privacy header และ algorithm อย่างเฉพาะเจาะจง
ค.ต้องมีการพัฒนาโครงร่างของระบบ Firewall สำหรับ IPng
ง.ถูกทุกข้อ
เฉลย ง.ถูกทุกข้อ

26.และในช่วงกลางปี 1994 เช่นกัน IPng ได้รับการกำหนดหมายเลขรุ่นโดยหน่วยงานใด
ก.ไม่มีข้อถูก
ข.Internet Assigned Numbers Authority(IANA)
ค.อเมริกา
ง.หน่วยงานจากญี่ปุ่น
เฉลย ข.Internet Assigned Numbers Authority(IANA)

27.จากข้อ26.ได้รับเป็นรุ่นที่เท่าไหร่
ก.ให้เป็นรุ่นที่ 6 อันเป็นที่มาของ IPv6
ข.ให้เป็นรุ่นที่ 4 อันเป็นที่มาของ IPv4
ค.ให้เป็นรุ่นที่ 5 อันเป็นที่มาของ IPv5
ง.ให้เป็นรุ่นที่ 7 อันเป็นที่มาของ IPv7
เฉลย ก.ให้เป็นรุ่นที่ 6 อันเป็นที่มาของ IPv6

28. เอกสาร RFC1752 ชุดนี้ได้ถูกยอมรับและดำเนินการต่อโดยคณะทำงานภายใต้ IETF ที่ชื่อว่า อะไร
ก. Internet
ข. Engineering
ค.Internet Engineering Steering Group (IESG)
ง.ไม่มีข้อถูก
เฉลย ค.Internet Engineering Steering Group (IESG)

29. การใช้งาน IPv4 และ IPv6 ควบคู่กันหรือที่เรียกว่าอะไร
ก. Fual stack
ข. Bual stack
ค. Eual stack
ง. Dual stack
เฉลย ง. Dual stack

30.IPV6 ถูกเริ่มใช้ที่ไหนก่อน
ก. ทวีปเอเชียและยุโรป
ข. ทวีปอเมริกาเหนือ
ค. ทวีปอเมริกาใต้
ง. ไม่มีข้อถูก
เฉลย ก. ทวีปเอเชียและยุโรป